วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Lycopene ไลโคปีน ในฟักข้าว ป้องกันการเกิดมะเร็ง

       ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและความสวยความงามในปัจจุบันเริ่มหันมาให้ความสนใจกับไลโคปีนมากขึ้นเพราะคุณสมบัติทำให้ผิวพรรณผ่องใสขาวอมชมพู แต่ไลโคปีนยังมีคุณประโยชน์ที่คุณคาดไม่ถึงอีกมากมาย
       ไลโคปีน (Lycopene) มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินคำว่า lycopersicum ซึ่งเป็นชื่อทางวิทยาศาสตร์ บ่งบอกสปีชีส์ของมะเขือเทศ (Solanum lycopersicum) ไลโคปีนจัดเป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoid) ชนิดหนึ่งใน 600 ชนิด ละลายได้ดีในไขมันเช่นเดียวกับเบต้าแคโรทีน มีรงควัตถุ (pigment) สีแดง พบได้ทั่วไปในมะเขือเทศสุก ฝรั่ง (pink guava) แตงโม ส้ม มะละกอ แครอท ส้มโอสี
ชมพู ฟักข้าว (หรือ Gac furit มีสารไลโคปีน มากกว่ามะเขือเทศถึง 70 เท่า) และในผักผลไม้สีแดงต่างๆ (ยกเว้นสตรอเบอร์รี่และเชอร์รี่) แต่ไม่พบในสัตว์


     ไลโคปีนที่พบมี โครงสร้างทางเคมี 2 แบบคือ trans – configuration และแบบ cis-isomer โดยในธรรมชาติจะพบไลโคปีนแบบ trans – configuration แต่สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบ cis-isomer ได้เมื่อสัมผัสกับความร้อนหรือและสว่าง โดยในกระแสเลือดของคนเราพบไลโคปีนแบบ cis-isomer อยู่ถึง 60% เลยทีเดียว
    
ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ไลโคปีนเองได้ ดังนั้นเราจึงต้องรับประทานไลโคปีนเข้าไปจากผักผลไม้ หรืออาหารเสริม โดยไลโคปีนจะไปกระจายอยู่ทั่วไปในเนื้อเยื่อบริเวณที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่พบการสะสมของไลโคปีนมากที่ต่อมหมวกไต ลูกอัณฑะ และตับ

     จากการศึกษาวิจัยพบว่าไลโคปีนที่ผ่านกระบวนการใช้ความร้อน (heat processed-lycopene) เช่น การปรุงอาหาร ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีกว่าไลโคปีนในธรรมชาติ เนื่องจากไลโคปีนที่มีโครงสร้างแบบ cis -isomer ถูกดูดซึมได้ดีกว่าแบบ trans – configuration และแบบ cis -isomer จะสามารถละลายและรวมตัวกับกรดน้ำดี (bile acid micells) ได้ดีกว่า แบบ trans – configuration ด้วย นอกจากนั้น การใช้ความร้อนในการประกอบอาหารยังทำให้ไลโคปีนที่อยู่ในผนังเซลล์ของผักและ ผลไม้ละลายออกได้มากขึ้น ทำให้ดูดซึมในระบบย่อยอาหารได้ดีกว่ารับประทานแบบสดถึง 2.5 เท่า

    ดังนั้นหากจะรับประทานผักและผลไม้เพื่อให้ร่างกายได้รับไลโคปีน จึงควรนำผักและผลไม้ไปปรุงให้สุกก่อน
     มีผลการวิจัยทางการแพทย์ที่ระบุว่า
เมื่ออายุมากขึ้น ปริมาณของไลโคปีนในร่างกายจะลดลง ส่งผลให้โอกาสในการเกิดโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก


     เนื่องจากไลโคปีนเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) ที่มีความแรงมาก และมีส่วนสำคัญในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง กลไกการออกฤทธิ์ที่สำคัญคือเข้าไปจับกับอนุมูลอิสระ (Free radical) ในร่างกายซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการทำลายสายดีเอ็นเอ อันก่อให้เกิดโรคมะเร็ง

    ไลโคปีนจะช่วยลดการก่อกลายพันธุ์ ทำให้สามารถยับยั้งวงจรชีวิตของเซลล์มะเร็งในช่วงต้น (ระยะ G1) และลดการเกิดเนื้องอกได้ เมื่อเทียบกับสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ชนิดอื่นๆ ไลโคปีนเป็นแคโรทีนอยด์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากมีโครงสร้างที่ต่อกันเป็นสายยาวกว่า

    ดังรายงานการศึกษาเปรียบเทียบผลในการต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลอง พบว่าไลโคปีนมีฤทธิ์ที่ดีกว่าเบต้าแคโรทีนและแอลฟาโทโคฟีรอลถึง 2 และ 10 เท่าตามลำดับ มีความเชื่อว่าไลโคปีนสามารถปรับระบบฮอร์โมนและภูมิคุ้มกัน ตลอดจนเมตาบอลิซึมในร่างกายได้ นอกจากนี้การรับประทานไลโคปีนในปริมาณสูงยังช่วยยับยั้งเอนไซม์สำคัญที่ใช้ สังเคราะห์โคเลสเตอรอล และเร่งสลายโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดีหรือ LDL (Low density lipoprotein) ที่มีส่วนทำให้เกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดแข็งตัวได้อีกด้วย
      ร่างกายของคนเราควรได้รับปริมาณไลโคปีน อย่างน้อย
6.5 มก.ต่อวัน ซึ่งเทียบได้กับการทานมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบในอาหาร 10 ครั้งต่อสัปดาห์
       ยังไม่มีรายงานว่าการได้รับไลโคปีนมากเกินไปจะมีผลเสียต่อร่างกายอย่างไร
  ปัจจุบัน สารไลโคปีนมีอยู่ในผลิตภัณฑ์ ฟักข้าวแคปซูล Magna Gac
        ปริมาณและราคา 1 แผง มี 10 แคปซูล
   
ซื้อ 1 กล่อง มี 3 แผง      ราคา 390 บาท  จากราคาเต็ม 420 บาท
    ซื้อ 3 กล่อง รวม 9 แผง  
ราคา 1,100 บาท
    ซื้อ 6 กล่อง รวม 18 แผง
ราคา 2,000 บาท ส่งไปรษณีย์ EMS ฟรี
     สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่
     คุณ วีระชัย ทองสา โทร. 084-6822645 , 085-0250423
            อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com



วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เบต้า-แคโรทีน ในฟักข้าว มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

เบต้า-แคโรทีน (อังกฤษ: β-carotene) เป็นสารตั้งต้นของ วิตามินเอ (โปรวิตามินเอ) มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทั้งนี้ โดยปกติร่างกายของมนุษย์เราสามารถเปลี่ยนเบต้า-แคโรทีนไปเป็นวิตามินเอได้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เสมือนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วย
        สำหรับขนาดรับประทานของวิตามินเอเพื่อรักษาสุขภาพโดยทั่วไปคือ 5,000 หน่วยสากล (IU) ซึ่งเทียบเท่ากับเบต้า-แคโรทีน 3 มิลลิกรัม และสำหรับปริมาณที่สมเหตุสมผลของเบต้า-แคโรทีนที่แนะนำให้รับประทานต่อวันเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรงคือ 15 มิลลิกรัม ในขณะที่การรับประทานเพื่อหวังผลในรักษาจะต้องได้รับในปริมาณมากกว่านี้
        ประโยชน์ของบีตา-แคโรทีน
   1.    ดูแลรักษาผิวพรรณอันเป็นส่วนของร่างกายที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทราบว่าอนุมูลอิสระมีผลต่อเราแล้วหรือยัง เช่น ผิวเริ่มเหี่ยวย่น ไม่ผ่องใส

   2.    ลดความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง อนุมูลอิสระมีผลเกี่ยวข้องกับมะเร็งเนื้อร้าย การลดปริมาณอนุมูลอิสระเท่ากับลดความเสี่ยงของมะเร็ง ทั้งยังพบว่าเบต้า-แคโรทีนให้ผลกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายที่ชื่อ ที-เฮลเปอร์ให้ทำงานต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น ให้ผลดีกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็ง


   3.    บำรุงสุขภาพของดวงตา เบตา-แคโรทีนเมื่อโดนย่อยสลายที่ตับแล้วจะได้วิตามินเอ ซึ่งร่างกายนำไปใช้สร้างสารโรดอปซินในดวงตาส่วนเรตินา ทำให้ตามีความสามารถในการมองเห็นในตอนกลางคืนได้ และยังลดความเสื่อมของเซลล์ของลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกด้วย


  4.    ชะลอความแก่ เบต้า-แคโรทีนให้ผลในการลดความเสื่อมของเซลล์จากอนุมุลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดกระบวนการแก่

  แหล่งอาหาร
   เบต้า-แคโรทีนมีในพืชสีเหลืองและสีส้ม และ ผักที่มีสีเขียว เช่น  ลูกฟักข้าว แครอต ฟักทอง หน่อไม้ฝรั่งข้าวโพดอ่อน แตงโม  แคนตาลูป  มะละกอสุก  บร็อกโคลี่ มะระ ผักบุ้ง ต้นหอม  ผักคะน้า  ผักตำลึง

   ส่วนเหตุที่อาหารบางชนิดมีสีเขียว เป็นเพราะสีของเบต้า-แคโรทีนถูกสีเขียวของคลอโรฟิลล์บดบัง
    ผลข้างเคียง
    เบต้า-แคโรทีนนับเป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญสำหรับสุขภาพของมนุษย์ อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามีรายงานของการขาดบีตา-แคโรทีนเลย แม้ว่าการวิจัยจำนวนมากจะระบุว่า การเสริมด้วยเบต้า-แคโรทีนใช้ในคนที่มีอาการขาดวิตามินเอ แต่ก็ยังคงไม่มีข้อมูลแน่ชัดที่แสดงถึงอาการขาดบีตา-แคโรทีน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์และนักโภชนาการแนะนำว่าเราควรรับประทานบีตา-แคโรทีนเข้าสู่ร่างกายโดยการบริโภคผักสดและผลไม้สด
    สำหรับผลข้างเคียงที่อาจเป็นผลเสียต่อร่างกายจากเบตาแคโรทีน ขณะนี้ยังไม่พบ แม้จากการวิจัยพบว่าวิตามินเออาจเป็นพิษได้ถ้ารับประทานในปริมาณที่สูงกว่า 25,000 หน่วยสากล (IU) ต่อวัน แต่ไม่พบว่าบีตา-แคโรทีนมีความเป็นพิษ เมื่อรับประทานในปริมาณสูง ส่วนการมีปฏิกิริยากับสารอื่นไม่พบรายงานว่ามีปฏิกิริยาของบีตา-แคโรทีนกับยาสมุนไพร รวมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใดๆ
     ปัจจุบัน สาร เบต้า แคโรทีน มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ ฟักข้าวแคปซูล Magna Gac
      ปริมาณและราคา 1 แผง มี 10 แคปซูล
      ซื้อ 1 กล่อง มี 3 แผง       ราคา    390 บาท จากราคาเต็ม 420 บาท

      ซื้อ 3 กล่อง รวม 9 แผง ราคา 1,100 บาท
      ซื้อ 6 กล่อง รวม 18 แผง ราคา 2,000 บาท ส่งไปรษณีย์ EMS ฟรี
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่
คุณ วีระชัย ทองสา โทร. 084-6822645 , 085-0250423
อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com  




            






วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ซีแซนทีนใน "ฟักข้าว" มีประโยชน์ต่อดวงตา

ซีแซนทีนในผักผลไม้ก็มีประโยชน์ต่อดวงตา ลูทีนและซีแซนทีน ความสำคัญที่คาดไม่ถึง ผู้บริโภคคนไทยส่วนใหญ่นิยมบริโภคน้ำส้มคั้นเป็นอันดับต้นๆ รองมาคือ จำพวกน้ำผัก น้ำแครอท ซึ่ง ผู้ประกอบการไม่ควรละทิ้งโอกาสที่จะนำเสนอถึงคุณประโยชน์ที่ได้ อาทิ เช่น ความพิเศษของโปรวิตามินเอ ที่สามารถแปลงเป็นวิตามินเอ ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ มีผลต่อการพัฒนาและซ่อมแซมผิว ทำให้ผิวไม่เหี่ยวย่น นอกจากวิตามินเอที่จะได้จากแคโรทีนอยด์แล้ว ในคาโรทีนอยด์ยังมีสารธรรมชาติพิเศษอื่นประกอบด้วย เรียกว่า 
ซีแซนทีน (Zeaxanthin)      
     ในซีแซนทีน (zeaxabthin) นี้ มีคุณสมบัติแตกต่างจากแคโรทีนอยด์ชนิดอื่น โดยจะไม่เปลี่ยนเป็นวิตามินเอ สามารถพบได้ในเนื้อเยื่อของร่างกายมนุษย์หลายจุดได้แก่ ในเลนส์ตา และจอรับภาพของตา (Retina) โดยจะช่วยกรองหรือป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา
     ปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการลดอนุมูลอิสระและกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตา นอกจากนี้ ซีเซนทีนยังพบได้ในตับ ตับอ่อน ไต ต่อมหมวกไต และเต้านม แต่ก็เป็นสารที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ นอกจากนี้ลูทีนและซีเซนทีนยังช่วยป้องกันโรคหลายชนิด อาทิเช่น
โรคต้อกระจก โรคจอรับภาพเสื่อม โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นสารที่เหมาะกับผู้ใช้สายตามาก ผู้สูงอายุ ผู้ที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรืออยู่กับแสงสว่างจ้า กลางแดด ผู้ที่ต้องขับรถกลางคืนบ่อยๆ ผู้ที่โดนแฟลซ ดูโทรทัศน์มากและนาน ผู้ป่วยเบาหวาน โรคหัวใจ รวมทั้งมะเร็งเต้านม
      การที่ ซีแซนทีน สามารถช่วยลดหรือป้องกัน หรือชะลอการเกิดความเสื่อมของโรคต้อกระจกโดยตรง นอกจากนี้ก็ยังพบว่าซีแซนทีนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงในโรคที่เกิดจากการมีสารอนุมูลอิสระสูงได้ ได้มีการวิจัยวัดความขุ่นของเลนส์ตา ระดับชีแซนทีน ในกระแสเลือดสูงจะผกผันกับความขุ่นของเลนส์ตาในผู้สูงอายุ การรับประทานซีแซนทีน ในปริมาณสูง เพิ่มความสามารถในการมองเห็นของผู้ป่วยที่เป็นต้อกระจกไปแล้ว จากการทำการวิจัยถึงคุณประโยชน์ของซีแซนทีน ที่ทำให้อเมริกามีสองงานวิจัย
      งานวิจัยแรกทำที่ Harvard School of Public Health, Boston ในผู้ชาย 36,644 คน ที่ได้รับอาหารเสริมและวิตามินต่างๆ พบว่ากลุ่มที่ได้รับอาหารเสริมเป็นซีแซนทีน จะลดควมเสี่ยงของโรคต้อกระจกถึง 19 % และอีกงานวิจัยทำที่ University of Massachusetts ทำในสุภาพสตรี ถึง 50,461 คน เป็น


      การวิจัยทำนองเดียวกัน แต่ทำในผู้หญิงเท่านั้น พบว่าซีแซนทีน จะลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจกถึง 22 % นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยทื่ทำที่university of Wisconsin Madison Medical school ในผู้สูงอายุ 43-84 ปี จำนวน 1,354 คน พบว่าลดการเกิดต้อกระจกที่เกิดตรงกลางเลนส์
( nuclear cataracts ) ได้ประมาณ 50 % จึงเป็นที่ยอมรับว่า ลูทีน และซีแซนทีนลดการเกิดโรคต้อกระจกในผู้สูงอายุได้จริง
       นอกจากนี้ยังมีการวิจัยของพยาบาล Nurse's Health Study, Zhang และคณะ พบว่ามีคนบริโภคอาหารที่ บริโภคอาหารที่มีซีแซนทีนปริมาณมาก
อาจลดการเกิดโรคมะเร็งเต้านมในสตรีช่วงหมดประจำเดือนได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าอัตราการเกิดจะมีไม่มากนักแต่ก็น่าสนใจอย่างยิ่งในทำนองที่สอดคล้องกัน มีผู้วิจัยพบว่าลูทีน ลดการเกิดมะเร็งเต้านมได้จริงในสตรีกลุ่มที่มีความเสี่ยงคือ มีประวัติครอบครัวที่เป็นมะเร็งเต้านม และมีผลต่อยีนที่มีผลต่อ T-cell transformations ลูทีน และซีแซนทีน กับโรคหลอดเลือดหัวใจพบว่า ลูทีน สามารถลดกลไกการเกิดเส้นเลือดตีบได้
       ในผู้ที่บริโภคอาหารที่มีซ๊แซนทีนสูงจะลดอัตราการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดตีบในสมองอย่างมีนัยสำคัญ พัฒนาสู่อุตสาหกรรมอาหาร
       ด้วยความพิเศษของลูทีน และซีแซนทีนที่ยังไม่ได้ถูกนำมากล่าวถึงในเชิงลึกในด้านสุขภาพมากนัก จึงน่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ประกอบการสามารถนำมา
      เป็นโอกาสทางด้านการตลาด เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ซึ่งซีแซนทีน สามารถหาได้จากผัก และผลไม้ที่มีสีส้ม สีเหลืองและสีแดง ด้วย
     คุณสมบัติพิเศษที่มีอยู่ในตัวเอง ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายนำซีแซนทีนมาสกัดเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ซึ่งมีจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด
    ปัจจุบัน สารซีแซนทีน มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ ฟักข้าวแคปซูล Magna Gac
    วิธีรับประทาน   รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร  และ ก่อนนอน 1 ชั่วโมง
     ปริมาณใน 1 แคปซูล :  1 แคปซูล ปริมาณ 500 มก. (มีส่วนผสมจาก ฟักข้าว 100%) ผลิตด้วย
     กรรมวิธี High Speed Dry ในห้องมืด เพื่อป้องกัน ไลโคพีน สูญเสียคุณค่าไป
     รับประทาน ฟักข้าวแคปซูล 1 แคปซูล เท่ากับรับประทาน มะเขือเทศ 3 กก.
     ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่  http://gaccapsule.blogspot.com
      
ปริมาณและราคา 1 แผง มี 10 แคปซูล
   ซื้อ 1 กล่อง มี 3 แผง     ราคา     390 บาท
จากราคาเตจ็ม 420 บาท

   ซื้อ 3 กล่อง รวม 9 แผง ราคา   1,100 บาท
   ซื้อ 6 กล่อง รวม 18 แผง ราคา 2,000 บาท ส่งไปรษณีย์ EMS ฟรี
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่
คุณ วีระชัย ทองสา โทร. 084-6822645
, 085-0250423
อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com              
      
   สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่
    คุณ วีระชัย   ทองสา  โทร. 0846822645 , 0850250423
          อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com















ราคาขายปลีกและขายส่ง ฟักข้าวแคปซูล Magna Gac

ราคาขายปลีกและขายส่ง ฟักข้าวแคปซูล Magna Gac
     ราคาขายปลีก
     1 กล่อง             390 บาท      จากราคาเต็มขายปลีก 420 บาท
     3 กล่อง          1,100 บาท       ขายปลีก 420 บาท
     6 กล่อง          2,000 บาท       ขายปลีก 420 บาท
     ราคาส่ง
   12 กล่อง             300 บาท        ขายปลีก 420 บาท
   36 กล่อง             280 บาท        ขายปลีก 420 บาท
   60 กล่อง             270 บาท        ขายปลีก 420 บาท
 100 กล่อง             250 บาท        ขายปลีก 420 บาท
    วิธีรับประทาน   รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร  และ ก่อนนอน 1 ชั่วโมง
    ปริมาณใน 1 แคปซูล :  1 แคปซูล ปริมาณ 500 มก. (มีส่วนผสมจาก ฟักข้าว 100%) ผลิตด้วย
    กรรมวิธี อบเย็น ในห้องมืด เพื่อป้องกัน ไลโคพีน สูญเสียคุณค่าไป
    รับประทาน ฟักข้าวแคปซูล 1 แคปซูล เท่ากับรับประทาน มะเขือเทศ 3 กก.
     ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่  http://gaccapsule.blogspot.com
     สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่
    คุณ วีระชัย   ทองสา  โทร. 0846822645 , 0850250423
            อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com