วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

ไลโคปีน Lycopene คืออะไร?

                               ไลโคปีน Lycopene คืออะไร?
         ไลโคปีน Lycopene เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกระแสผิวขาวใส อมชมพู แต่แท้จริงแล้ว ไลโคปีน มีคุณประโยชน์มากมายกว่าการทำให้ผิวขาวอมชมพู และสิ่งใดที่ทำให้ไลโคปีน มาเป็นที่นิยมในวงการรักสวยรักงาม
        ในสภาพสังคมที่เร่งรีบในปัจจุบัน การรับประทานอาหารอย่างรวดเร็ว การสูบบุหรี่จัดเพราะต้องการลดความเครียด สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นตัวทำลายสุขภาพและผิวพรรณ ทำให้ความเสื่อมของวัยรวดเร็วยิ่งขึ้น
     ดร.เอ็ดเวิร์ด จีโอวานนุซซี่ จาก
Harvard Medical School สารอาหารที่พบในมะเขือเทศลูกแดงๆ จะแซกแทรงการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านมและเนื้องอก มะเร็งต่อมลูกหมาก รวมถึงสิ่งแปลกปลอมที่จะเกิดขึ้นใหม่ในร่างกายของเรา
     ไลโคปีน เป็น carotenoid พบมากใน
มะเขือเทศและผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ ตรงกันข้ามกับเบตาแคโรทีน ไม่ถูกทำลายระหว่างการแปรรูปอาหารเหมือนเบตาแคโรทีน ทั้งยังดูดซึมได้ดี ร่างกายของเราไม่ผลิตไลโคปีน ดังนั้นเราจึงต้องทานไลโคปีนเข้าไป จากผัก ผลไม้หรืออาหารเสริม แม้กระทั่งอาหารที่ทำจากมะเขือเทศแปรรูปต่างๆ
      carotenoid เป็นสารสีธรรมชาติที่พบมากที่สุด พบในคลอโรพลาสต์ในรูป chromoproteins หากอยู่นอกคลอโรพลาสต์จะพบเป็น acyclic carotenoids carotenoid ที่เป็นสีของมะเขือเทศคือไลโคปีน
     จากผลวิจัยที่ผ่านมาในอดีต lycopeneเป็นเม็ดสีที่ช่วยให้ผักและผลไม้ เช่นมะเขือเทศ แตงโม ส้มโอมีสีชมพูและแดง และที่สำคัญ ไลโคปีน จะปรากฎขึ้นเพื่อแสดงความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้รับนอกเหนือจากการป้องกันและสามารถลดอัตราการเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งดังกล่าว
      ปี1990 การศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ทดสอบคนจำนวน 50000คนให้รับประทานอาหารที
      มีปริมาณมะเขือเทศสูงในเวลาติดต่อกัน พบว่า สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในต่อมลูกหมากได้ถึง34%
     นอกจากนี้ไลโคปีนปริมาณสูงๆยังช่วยลดคลอเรสเตอรอลตัวไม่ดีหรือ LDL ที่มีส่วนทำให้เกิดโรคหัวใจ ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารที่มีไลโคปีน อย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดอัตราการหัวใจวายของผู้ชายได้ถึง 50%
     คนที่สูบบุหรี่เป็นประจำ หากรับประทานไลโคปีนเป็นประจำจะลดอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดตีบและหัวใจวาย นอกจากนี้ยังสมารถช่วยสร้างภูมิต้านทานในการต่อสู้กับโรคหืดหอบได้อีกด้วย
     ร่างกายของคนเราควรได้รับปริมาณ ไลโคปีน อย่างน้อย 6.5 มก.ต่อวัน ซึ่งเทียบได้กับการทานมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบในอาหาร 10 ครั้ง/สัปดาห์
     ปัจจุบันค้นพบว่า ผลฟักข้าว(Gac furit) มีสารไลโตปีน มากกว่า มะเขือเทศ 70 เท่า
     อยู่ในผลิตภัณฑ์ ฟักข้าวแคปซูล
     สอบถามข้อมูลได้ที่
     คุณ วีระชัย  ทองสา   โทร. 084-6822645 , 085-0250423
           อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น